ปัจจุบันได้มีการเปิดสอนภาษาใหม่ให้กับผู้คนในมัสยิดทั่วอเมริกาเหนือ บางคนอาจมองว่ามันเป็นภาษาต่างดาว แต่สำหรับอาจารย์ Omar Malik แล้วมันคือภาษาแห่งอนาคต
Malik เป็นวิศวกรซอฟแวร์หนุ่มผู้มากด้วยความสามารถและเป็นศาสตราจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัย Wayne State ในสหรัฐอเมริกา ด้วยความมุ่งมั่นอยากเห็นเด็กมุสลิมได้เรียนรู้การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เขาจึงเริ่มเปิดคอร์สสอนพิเศษและใช้มัสยิดหลายแห่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านไอทีนอกเวลา ที่เปิดโอกาสให้วัยรุ่นหนุ่มสาวได้มีโอกาสพัฒนาความชอบและความถนัดด้านเทคโนโลยีของตนเอง ให้กลายเป็นทักษะที่สามารถให้ประโยชน์และใช้งานได้จริง ด้วยการเรียนรู้ภาษาต่างๆ ในการเขียนโปรแกรม เช่น Java, C++, NET, HTML, SQL, XML, และ Python
“เรามักพร่ำบ่นกันว่าวัยรุ่นสมัยนี้มัวแต่เล่นวิดีโอเกมส์หรือจ้องโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดเวลา แต่การเลี่ยงเทคโนโลยีก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายในปัจจุบัน” Malik กล่าว “ลองนึกดูสิว่า ถ้าเราสอนพวกวัยรุ่นให้รู้จักวิธีผลิตสื่อเพื่อการศึกษาหรือแอพในมือถือเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวม มันจะทำให้พวกเขารู้จักสร้างอะไรที่เป็นประโยชน์มากกว่าเสียเวลากับสิ่งที่ไร้สาระได้มากแค่ไหน”
Malik เกิดในประเทศแคนาดาและมีพ่อแม่เป็นชาวปากีสถาน เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสถาบัน AlMaghrib สาขาวิชาอิสลามศึกษา ตลอดเวลาที่เติบโตมาเขาเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเชื่อมโยงความชอบความถนัดทางด้านไอทีของเขากับศรัทธาในการอิสลาม เพื่อที่จะเป็นสะพานในการมอบความรู้และทักษะที่สำคัญแก่ผู้คนให้ได้ หลังย้ายภูมิลำเนาจากแคนาดามาอยู่ในสหรัฐอเมริกาเขาได้รับตำแหน่งสำคัญในบริษัทชื่อดังหลายแห่งอย่าง General Motors, Ford, Chrysler แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงรักงานสอนเป็นชีวิตจิตใจ
งานอาสาในมัสยิดของ Malik เริ่มต้นเมื่อเขาเริ่มก่อตั้งกลุ่มเยาวชนและจัดค่ายฤดูร้อนขึ้นมา จากจุดนั้นเขาจึงเริ่มออกเดินทางไปพูดสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนตามมัสยิดต่างๆ ทั่วรัฐมิชิแกน และนั่นเป็นจุดที่ทำให้ Malik เริ่มเล็งเห็นว่า โดยส่วนใหญ่แล้วมัสยิดมักกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าขาดการใช้งานเกือบทั้งสัปดาห์หากไม่ใช่ช่วงเวลาละหมาด ด้วยเหตุนี้เขาจึงติดต่อไปยังอิหม่ามประจำมัสยิดเพื่อขออนุญาตใช้พื้นที่มัสยิดในการเปิดสอนการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้กับผู้คนในชุมชนที่สนใจ
Malik ผู้ซึ่งเป็นพ่อลูกสามบอกกับเราว่า เด็กวัยรุ่นที่มักจะหมดเวลาไปกับการเล่นวิดีโอเกมส์และคอมพิวเตอร์มักจะรู้สึกว่าตนเองมีความทันสมัย แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักจะไม่เข้าใจภาษาของโลกเทคโนโลยีกันเท่าใดนัก ด้วยเหตุนี้เขาจึงเสนอให้มีการสอนไอทีและภาษาสำหรับการเขียนโปรแกรมแทรกลงไปในหลักสูตรที่นักเรียนจะได้รับเมื่อเข้าเรียนที่ศูนย์กลางอิสลามและมัสยิดในชุมชน ตลอดจนเสนอให้มีการสอนโปรแกรมพัฒนาวีดิโอเกมส์สำหรับเยาวชนที่สนใจอยากต่อยอดความชอบในด้านเกมส์ของตนเองให้ก้าวไปไกลสู่ระดับที่ดีขึ้นในอนาคตได้
นอกจากนี้แล้วคอร์สดังกล่าวยังถือเป็นช่องทางที่ดีในการเปิดโอกาสให้เยาวชนมุสลิมหญิงได้มีส่วนร่วมด้วย แม้ว่าปัจจุบันยังอาจจะต้องเจอความท้าทายบางอย่างบ้างก็ตาม
“ผมมีนักเรียนหญิงน้อยกว่า 10% ของผู้สนใจทั้งหมดที่มาเรียนกับเราในมัสยิดและศูนย์กลางอิสลาม” Malik กล่าวกับกลุ่มเครือข่ายเยาวชนมุสลิมมืออาชีพแห่งรัฐฟลอริดาตอนใต้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ณ เมืองฮอลลีวูด รัฐฟลอริดา
มันไม่ได้เป็นประเด็นแค่ในกลุ่มชาวมุสลิมเท่านั้น เพราะจากการสำรวจในงานวิจัยปี 2016 โดยกลุ่ม Accenture and Girls Who Code ค้นพบว่าปัจจุบันมีเพียง 18% ของผู้เรียนเฉพาะทางด้าน computer science ในสหรัฐอเมริกาที่เป็นสุภาพสตรี
Malik เล่าว่าเขากำลังต่อสู้กับค่านิยมอันบิดเบือนที่เชื่อว่าไอทีเป็นศาสตร์ที่มีไว้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ได้เข้าร่วมคอร์สไอทีที่เขาจัดขึ้นมักกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า การได้ทลายกำแพงแห่งค่านิยมบิดเบือนที่ปิดกั้นมานานนั้น ถือเป็นก้าวแรกของการทลายกำแพงที่ขวางกั้นในสถานที่ทำงานด้วยเช่นกัน
“ปัจจุบัน เรามักจะเห็นสตรีมุสลิมส่วนใหญ่ถูกลิดรอนสิทธิในการได้มีโอกาสทำงานมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยเพราะแนวคิดของคนบางกลุ่มที่มีต่อสังคมมุสลิมจึงทำให้สตรีมุสลิมที่มีคุณภาพและศักยภาพหลายคนมักถูกมองข้ามให้เข้ารับตำแหน่งในหน้าที่การงาน ซึ่งวิธีหนึ่งที่จะแก้ตรงนี้ได้ก็คือการเสริมทักษะต่างๆ ที่ประเมินค่ามิได้ให้กับสตรีมุสลิม” Leslie Steward-Hood หนึ่งในสมาชิกกลุ่มเครือข่ายเยาวชนมุสลิมมืออาชีพแห่งรัฐฟลอริดาตอนใต้กล่าว “ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีเช่นปัจจุบัน โปรแกรมมิ่งคืออีกทักษะหนึ่งที่จะสามารถทำให้นายจ้างและบริษัทต่างๆ ไม่อาจปฏิเสธศักยภาพของสตรีชาวมุสลิมได้”
แปลและเรียบเรียงโดย : Andalas Farr
ที่มา : THIS PROFESSOR IS USING MOSQUES TO TEACH MUSLIM YOUTH THE LANGUAGE OF THE FUTURE