ไม่มีความพยายามใดที่สูญเปล่า หากความพยายามนั้นเป็นไปในหนทางของอัลลอฮ์ เช่นเดียวกับปฏิญญา ประพฤติชอบ หรือ “มูซา” หนึ่งในคณะผู้ก่อตั้งและเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสันติธรรมวิทยา จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นโรงเรียนของมุสลิมแห่งแรกของภาคอีสาน ผู้ที่ใช้ความพยายามของตัวเองอย่างมากมาย จนได้เดินบนทคางที่ใฝ่ฝัน และพร้อมกันนั้น ก็ไม่ลืมที่ยกมือขอดุอาเพื่อให้เกิดความง่ายดายในหนทางของตน
วันนี้คอลัมน์อายะห์บันดาลใจจะพาผู้อ่านย้อนเวลากลับไปทบทวนบทเรียน ณ ช่วงเวลาหนึ่งของมูซา เมื่อครั้นสมัยเรียน ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนกระทั่งมีวันนี้
“ย้อนกลับไปราวๆ เกือบ 20 ปีก่อน ตอนที่มีโอกาสสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งแต่ละคนก็มีคณะที่ตัวเองชอบ มีมหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝันไว้ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายดายเลย…”
มูซาเกิดและเติบโตในสังคมของจังหวัดแถบภาคอีสาน เมื่อถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อนๆ ต่างแข่งขันกันติวหนังสือ ซึ่งส่วนใหญ่จะลงทุนมาหาโรงเรียนกวดวิชาดีๆ ที่กรุงเทพฯ
“ผมเองในตอนนั้นไม่มีความสามารถที่จะขอเงินจากครอบครัวที่มีพี่น้องหลายคน และมีคุณพ่อซึ่งทำงานหนักเพียงคนเดียว เพื่อจ่ายให้กับติวเตอร์ดังๆ เหมือนเพื่อนๆ ได้ แต่ทางครอบครัวก็สนับสนุนให้ไปเข้าค่ายเตรียมความพร้อมเข้าสู่มหาวิทยาลัยที่จัดโดย สนท. (สมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม) ซึ่งมีเพียงค่าบำรุงค่ายเป็นค่าอาหารตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ ติวเตอร์ส่วนใหญ่ก็เป็นพี่ๆ ที่มีจิตอาสาจากชมรมมุสลิมของมหาวิทยาลัยต่างๆ ในหลากหลายคณะ” คุณมูซาเล่าถึงการหาหนทางเพื่อที่จะได้ติวหนังสือ
นอกจากการเตรียมความพร้อมทบทวนเนื้อหาเพื่อเพิ่มอาหารสมองแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้นั่นก็คืออาหารทางใจของคุณมูซา ที่คุณพ่อคุณแม่ได้ปลูกฝังมาตลอด นั่นคือการอ่านอัลกุรอานและการขอดุอา
“แท้จริงมนุษย์ตกอยู่ในความขาดทุน
ยกเว้นบรรดาผู้ที่มีศรัทธาและประพฤติแต่ความดี”
(ซูเราะห์อัลอัศร์ อายะห์ที่ 2-3)
“เมื่อใคร่ครวญความหมายของอายะห์นี้แล้ว ทำให้มีกำลังใจและมีความพยายามเพิ่มขึ้น เพราะเชื่อว่าความพยายาม ความทุ่มเทของเราจะไม่ขาดทุนหากเรามีอีหม่าน ศรัทธา อดทน และตักเตือนในหนทางแห่งความดี
ขณะเดียวกันก็หมั่นขอดุอาจากอัลลอฮ์ โดยการขอเพื่อการเตรียมตัวดังกล่าว ผมมักจะขอดุอาอฺอยู่สองอย่างซึ่งสอดคล้องกับอายะห์ข้างต้น คือ การขอให้ได้มีโอกาสเรียนต่อในสถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพสูงของประเทศไทย และขอให้ได้นำเอาความรู้จากการเรียนมาใช้ประโยชน์พัฒนาในท้องถิ่นซึ่งถือเป็นบ้านเกิด”
จากความพยายามและการตอบรับดุอาจากพระองค์ ส่งผลให้มูซาได้เข้าเรียนต่อในคณะและมหาวิทยาลัยที่คาดหวัง รวมถึงสามารถเรียนจนกระทั่งสำเร็จการศึกษาและกลับมาทำงานเพื่อพัฒนาท้องถิ่นบ้านเกิดได้
เมื่อเราปราถนาสิ่งใด นอกจากการวอนขอต่อผู้ให้แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการใช้ความพยายามของตนเอง เช่นเดียวกับเรื่องราวของมูซาที่ทำให้เราตระหนักได้ว่า การพยายามในหนทางของอัลลอฮ์นั้น จุดหมายปลายทางมันสวยงามเหมือนที่ฝันไว้จริงๆ
ในปัจจุบันมูซาก็ยังยึดเอาซูเราะห์อัศร์ ซูเราะห์โปรดนี้ไว้ใคร่ครวญหลังการทำงานในแต่ละวัน เพื่อให้ตนเองได้ระลึกถึงความสำคัญของ “การใช้เวลา” ที่ต้องเป็นไปหนทางของอัลลอฮ์อยู่เสมอ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เราก็จะไม่ตกเป็นผู้ที่ขาดทุนทั้งในโลกนี้…และโลกหน้า อินชาอัลลอฮ์