fbpx

นักวิทยาศาสตร์ยืนยัน ละหมาดช่วยรักษาอาการปวดหลัง

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า การละหมาดที่ชาวมุสลิมปฏิบัติกันเป็นกิจวัตรวันละห้าเวลานั้น สามารถบริหารสรีระส่วนหลังของร่างกาย และสามารถรักษาอาการปวดหลังได้ หากปฏิบัติอย่างถูกวิธี ด้วยการจัดวางหัวเข่าและส่วนหลังที่ได้มุมและถูกองศา

ผลการวิจัยดังกล่าวถูกตีพิมพ์ในรายงานชิ้นหนึ่งที่ใช้หัวข้อว่า “การศึกษาเชิงการยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกายในระหว่างการละหมาดของชาวมุสลิม โดยใช้หุ่นมนุษย์จำลองแบบดิจิตอล” (An ergonomic study of body motions during Muslim prayer using digital human modelling) ในวารสารนานาชาติของวิศวกรรมการอุตสาหกรรมและระบบ (International Journal of Industrial and Systems Engineering) งานวิจัยดังกล่าวใช้หุ่นมนุษย์จำลองที่ควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ในการสังเกตท่าละหมาดและวิเคราะห์ประสิทธิผลที่มีต่ออาการปวดหลังส่วนล่าง

งานวิจัยดังกล่าวระบุว่า ท่าก้มกราบศีรษะจรดพื้นหรือที่เรียกกันว่า “ท่าซูญูด” นั้นช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อกระดูกต่างๆ ในร่างกาย แค่ละหมาดหนึ่งครั้งต่อวันก็สามารถให้ประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ฉะนั้นการละหมาดห้าเวลาต่อวันจึงให้ประโยชน์ต่อร่างกายได้มากมายเกินคณานับจริงๆ

ศาสตราจารย์ Khasawneh หนึ่งในทีมนักวิจัยกล่าวว่า “วิธีหนึ่งที่จะนึกถึงการเคลื่อนไหวของการละหมาด คือให้ลองนึกว่ามันคล้ายกับท่วงท่าในการโยคะ หรือการออกกำลังกายเพื่อกายภาพบำบัดรักษาอาการปวดหลังส่วนล่าง”

“โดยทั่วไปแล้ว สุขภาพทางกายของคนเรานั้นมักได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจ วิถีความเป็นอยู่ และศาสนา”

“ยิ่งไปกว่านั้น หลายงานวิจัยยังยืนยันอีกว่า การละหมาดนั้นมีความสัมพันธ์กับการวิถีการใช้ชีวิตและการดูแลสุขภาพกายที่ดี”

การละหมาดสามารถขจัดความตึงเครียดของร่างกายและคลายความวิตกกังวลได้ ในขณะเดียวกันก็มีงานวิจัยที่ระบุว่า การละหมาดนั้นถือได้ว่าเป็นการรักษาทางการแพทย์ ต่อโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบเส้นประสาทกล้ามเนื้อและโครงกระดูกอีกด้วย”

ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ การก้มกราบศีรษะจรดพื้นหรือการซูญูดดังที่ท่านศาสนทูตมูฮัมหมัด (ซ.ล.) ได้สอนไว้นั้น ถูกกล่าวถึงในคัมภีร์ไบเบิลไว้ด้วยเช่นเดียวกัน ดังบทที่ว่า

“และเขา (พระเยซู) ไปไกลกว่านั้นอีกนิด และก้มหน้าของเขาลงกราบ และภาวนา” (แมทธิว 26:39)

“และโยชูวาก้มหน้าของเขาจรดสู่ดิน และทำการสักการะ…” (โยชูวา 5:14)

 

แปลและเรียบเรียงโดย : Andalas Farr
ที่มา : Scientists Say the Islamic Prayer is Good for Your Back

อ่านเรื่องนี้แล้วคิดอย่างไร ?

About author View all posts

Andalas Farr

คุณแม่ลูกสามผู้หลงใหลงานแปลภาษาเป็นชีวิตจิตใจ และรักงานเขียน งานสอนที่เชิญชวนสู่เส้นทางแห่งความดี ไม่ได้เป็นลูกครึ่งแต่รู้สึกผูกพันกับภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ ชนิดเห็นประโยคแล้วสมองต้องประมวลภาษาโดยอัตโนมัติ Andalas จบการศึกษาระดับปริญาตรีและโทคณะมนุษย์ศาสตร์เอกภาษาอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับครอบครัว ลูก และตัวอักษร