ท่ามกลางยุคสมัยที่คนเรา “อ่าน” หนังสือในความหมายดั้งเดิมกันน้อยลง การอ่านถูกถ่ายเทจากหน้ากระดาษหนังสือไปอยู่บนหน้าเว็บไซต์ ไม่ว่าจะข่าวสารความเคลื่อนไหว สาระวิชาการ หรืองานวรรณกรรม เราก็สามารถหาอ่านและมีตัวเลือกมากมายบนโลกออนไลน์ แม้กระทั่งหน้าทั่งหน้าเฟสบุ๊ค โซเชี่ยลมีเดียที่คนไทยใช้เวลาอยู่ด้วยหลายชั่วโมงต่อวัน ก็ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวให้เราได้ “อ่าน”
ถึงแม้ใครหลายคนจะบอกว่า “หนังสือกำลังจะตาย” หรือ “ไม่มีใครอ่านหนังสือกันอีกแล้ว” แต่ Halal Life ในฐานะสื่อที่เติบโตมาจากหนังสือกระดาษ ก็ยังแอบหวังลึกๆ ว่า หนังสือจะไม่ตายจากไปไหน และยังคงมีคนอ่านกันอยู่บ้าง ถึงจะไม่มากก็ตามที
Halal Life จึงอยากชวนให้เราละสายตาจาก facebook ไปลองอ่าน fivebook จากคำแนะนำของนักอ่านและหนอนหนังสือชาวมุสลิมกันดู บางทีคุณอาจจะรู้สึกเหมือนเราก็ได้ว่า หนังสือยังจำเป็นและคงจะยังอยู่คู่กับเราไปอีกนาน
ประเดิมคอลัมน์กันด้วยหนังสือน่าอ่าน 5 เล่มจาก มัรยัม วรรณมาตร คุณแม่คนเก่งที่เลี้ยงลูกแบบโฮมสคูล ที่ครั้งหนึ่ง Halal Life เคยนำเสนอเรื่องราวของเธอไปแล้ว และเธอก็เป็นหนึ่งในหนอนหนังสือตัวยง หนังสือ 5 เล่มที่ว่าจะเป็นอะไรและน่าสนใจอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
1. เด็กน้อยโตเข้าหาแสง
ผู้เขียน : มิลินทร์ ประเภท : จิตวิทยาเด็ก
‘เด็กน้อยโตเข้าหาแสง’ เป็นเรื่องราวชีวิตการต่อสู้กับ “อำนาจ” ของป้ามล ทิชา ณ นคร เริ่มต้นตั้งแต่ที่ท่านยังสาวๆ ท่านต่อสู้กับอำนาจรัฐเพื่อผดุงความยุติธรรม และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ป้ามลก็กลายเป็นนักต่อสู้เพื่อเด็กๆ ตั้งแต่บ้านเด็กกำพร้า จนปัจจุบันในบ้านกาญจนาพิเศษ สถานที่ควบคุมตามฐานความผิดของวัยรุ่นที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเคยมีจังหวะก้าวที่ผิดพลาด
“วาจาของพ่อแม่นั้นศักดิ์สิทธิ์ที่สุดสำหรับลูก พ่อแม่บอกซ้ำๆ ว่าชีวิตเขาจะเป็นอย่างไร ลูกก็จะเป็นอย่างนั้น” ป้ามลได้กล่าวไว้ ความศรัทธาของป้ามลที่มีต่อประโยคนี้ซึ่งเป็นคำพูดที่แม่ของท่านกล่าวอีกที ทำให้ท่านเชื่อว่า เด็กทุกคนมีแสงสว่างในตัวเอง พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และคนในแวดล้อมรอบๆ ข้างมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะสร้าง “ตัวตน” ของเด็กๆ ผ่านความคิด การกระทำ และโดยเฉพาะ “คำพูด”
เด็กคนหนึ่งจะเติบโตเป็นไม้งาม มีคุณค่า ให้ร่มเงาเมื่อเติบใหญ่ หรือเป็นเพียงก้อนหินไร้ราคา ใครเหยียบ ใครย่ำสัมผัสก็เจ็บปวด อยู่ที่ผู้ใหญ่รอบๆ ข้างจะแสดงตัวเป็น “แสงสว่าง” หรือเป็น “หลุมดำ” ให้พวกเขา
ในหนังสือเล่มนี้ ผู้อ่านจะพบการเดินทางของเด็กๆ จากสถาบันครอบครัว มาสู่กระทรวงศึกษาธิการ และวันหนึ่งถูกส่งต่อไปยังกระทรวงยุติธรรม เป็นสามสถาบันที่ป้ามลชี้ให้เห็นบทบาท ความสำคัญ และความล้มเหลว ที่ทำให้เด็กคนหนึ่ง “ก้าวพลาด” จนไม่อาจคืนสู่สังคมได้อีก แต่ป้ามลคนตัวเล็กๆ ก็ต่อสู้กับทั้งสามอำนาจยักษ์เพราะเชื่อว่า ในด้านมุมมืดสุดเลวของเด็กที่เคยเป็นฆาตกร เขามีความเป็นมนุษย์ และมนุษย์ทุกคนล้วนอยากเป็นคนดี
พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ ผู้ใหญ่ทุกๆ คน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องคลุกคลีทำงานอยู่กับเด็กไม่ว่าจะสังกัดสถาบัน โครงสร้างใดก็ตามของสังคมควรอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างยิ่ง เพราะ “คุณ” คือคนสำคัญที่จะปลูกปั้นเด็กๆ ให้โตเข้าหาแสงได้
2. อัจฉริยะเรียนสนุก
เขียน : วนิษา เรซ ประเภท : จิตวิทยาความสำเร็จ
หากนักเรียน นักศึกษาคนใดที่อยาก ‘ประสบความสุขความสำเร็จ’ ในช่วงชีวิตแห่งการเรียนการศึกษา หนังสือ “อัจฉริยะเรียนสนุก” ของคุณหนูดี วนิษา เรซ ถือเป็นอีกหนึ่ง “คู่มือ” สำคัญที่นักเรียนรู้ไม่ควรพลาด
“อัจฉริยะเรียนสนุก” เต็มไปด้วยเคล็ดลับมากมายที่คุณหนูดี ผู้ซึ่งเคยเป็นแชมป์บนเวทีในรายการ ‘อัจฉริยะข้ามคืน’ ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเอง กุญแจและเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เรื่องการทำงานของสมองที่มีผลต่อการเรียนให้ประสบความสำเร็จ ที่เธอนำมาใช้กับตัวเองเมื่อสมัยที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ และมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด มหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลกที่เต็มไปด้วย ‘นักเรียนอัจฉริยะ’
เราหลายๆ คนอาจจะคิดว่า เด็กเรียนเก่งจะต้องสวมแว่นตาหนาเตอะ หน้าดำคร่ำเคร่งอ่านตำราทุกคืนวัน ไม่สนใจไม่มีเพื่อน ปลีกตัวจากคนรอบข้างและดูเป็นคนเห็นแก่ตัว พวกเขาคงต้องมี ‘ยีนส์อัจฉริยะ’ อยู่ในตัว ครูยังไม่ทันอ้าปากพูด ก็เข้าใจบทเรียนนั้นทั้งคาบอย่างน่าอัศจรรย์
คุณหนูดีจะสลายความคิดอันน่าหวาดกลัวเหล่านั้นออกไป และทำให้รู้ว่า นักเรียนธรรมดาๆ ที่มีเวลาเฮฮากับเพื่อนๆ วันหยุดก็ยังรวมกลุ่มไปเที่ยวได้นั้น ก็สามารถเป็น “อัจฉริยะ” ในห้องเรียนได้
เพราะการเรียนให้เก่งไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียด การเรียนให้ได้ดีไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือมาราธอนก่อนสอบทุกคืน ผู้ที่ประสบความสำเร็จในด้านการเรียนอย่างแท้จริงจะต้องมีความสุขสนุกในชีวิตนักศึกษาด้วย
“อัจฉริยะเรียนสนุก” จะทำให้ช่วงชีวิตในการเรียนรู้ของคนหนึ่งคน ซึ่งเหมาะสมเริ่มต้นได้ตั้งแต่วัยมัธยมจนจบปริญญาขั้นสูงสุด มีความสุขกับการเรียนมากขึ้น
ทุกเคล็ดลับ ทุกคำแนะนำทำเกรดพุ่งในการเรียนที่อ้างอิงถึงการทำงานของสมองที่คุณหนูดีเปิดเผยในหนังสือเล่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น วิธีการอ่านหนังสืออย่างมีประสิทธิภาพที่สุดควรอ่านครั้งละกี่นาที วิธีการทำ short note ทุกครั้งเมื่อเข้าห้องเรียนควรเป็นอย่างไร วิธีการจดบันทึกสิ่งที่ครูสอนและไฮไลท์ข้อความสำคัญที่ถูกต้องควรเป็นแบบไหน การทำ “mind map” จากดินสอหลากสีมีผลอย่างไรต่อการทำงานของสมอง รวมไปถึงการออกแบบวางแผนชีวิตการเรียนในแต่ละภาคเทอมให้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างไร
ทุกขั้นตอนกระบวนการที่คุณหนูดีนำเสนอ หากนักเรียนนักศึกษานำมาใช้ในการเรียนรู้ของชีวิตไม่ว่าจะในระบบหรือนอกระบบก็ตาม พวกเขาจะค้นพบว่า “อัจฉริยะ” ก็เกิดขึ้นได้กับตัวเองและอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
เหนือสิ่งอื่นใด “อัจฉริยะเรียนสนุก” ไม่ได้เป็นหนังสือที่มีเพียงเคล็ดลับที่นำมาใช้ได้ในชีวิตวัยเรียนเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาประยุกต์กับทุกช่วงชีวิตของคนหนึ่งคนด้วย ไม่ว่าจะอยู่สถานะไหน ทำงานสาขาอาชีพใด หากมีการออกแบบวางแผน และนำเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ของคุณหนูดีมาต่อยอดเข้าช่วยจัดการชีวิตให้มีระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จากนักเรียนตัวเล็กๆ ที่ประสบความสำเร็จจาก “อัจฉริยะเรียนสนุก” วันหนึ่งอาจกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้านจากการเป็น “อัจฉริยะแห่งชีวิต” ก็เป็นได้
3. หน่อไม้
เขียน : ทรงกลด บางยี่ขัน, นิ้วกลม, ทรงศีล ทิวสมบุญ ประเภท : ท่องเที่ยว
“หน่อไม้” เป็นหนังสือที่รวบรวมการเดินทางร่วมกันของนักเขียนชื่อดังจากสำนักพิมพ์ a book ได้แก่ พี่ก้อง พี่เอ๋ และพี่อั๊พ นักเขียนที่แฟนๆ สำนักพิมพ์ไม่มีใครไม่รู้จัก
พวกเขาทั้งสามเดินทางพร้อมกับแฟนนักอ่านอีก 44 ชีวิต ที่ตั้งใจชวนกันนั่งรถไฟไปปลูกต้นไม้ใต้ดวงดาว ณ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ในบรรยากาศที่รื่นรมย์ไปด้วยธรรมชาติ และความหลากหลายน่ารักในความคิด ความฝันของผู้ร่วมเดินทางทั้ง 44 คน
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นหนังสือท่องเที่ยว เล่าถึงทริปปลูกต้นไม้ธรรมดาๆ หย่อนต้นกล้าลงดินแล้วถ่ายรูปพองาม ทำตัวเปรอะนิดๆ ให้ดูพอเป็นเสน่ห์ วิถีเช่นนี้แฟนๆ นักอ่านรู้ดีว่า ไม่ใช่วิถีของชาว a day จากสำนักพิมพ์ a book
แต่พวกเขาจะทำสิ่งหนึ่งพร้อมๆ ไปกับการปลูกต้นไม้ สิ่งนี้ถือเป็น “เสน่ห์” ที่แท้จริง สวยงามและน่าค้นหาที่สุดสำหรับชาวทริป มันคือ “เป้าหมาย” ที่ทำให้แฟน ๆ นักอ่านจากหลากที่ หลากฝันทั้ง 44 คนมารวมตัวกัน พวกเขาเรียกสิ่งนั้นว่า “แคปซูลเวลา”
ในนั้นบรรจุ “ความฝัน” ของแต่ละคนไว้ พวกเขาจะฝังมันไปพร้อมกับต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้นที่ร่วมปลูกกัน โดยอีก 10 ปีข้างหน้าสัญญาว่าจะเปิดมันพร้อม ๆ กัน
ความหลากหลายของตัวละครทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้รวมไปถึง “ความฝัน” ที่พวกเขาฝังไปพร้อม ๆ กับแคปซูลเวลา ที่แม้จะเป็นความลับสำหรับผู้อ่าน แต่กลับกลายเป็น “เสน่ห์” ที่สวยงามและอบอุ่นที่สุดของหนังสือเล่มนี้ ทำให้บรรยากาศหนาวท่ามกลางสายหมอกและขุนเขาที่ทุกตัวละครพักพิงอยู่นั้นไม่ได้ส่งผลให้ผู้อ่านรู้สึกหนาวเหน็บและเหงาเงียบเลย
ทว่ากลับอบอวลไปด้วยความรัก ความหวัง เสียงหัวเราะ และอาจแม้มีบางตอนบางเวลาเคล้าไปด้วยน้ำตาบ้าง แต่เมื่อผสมรวมกันแล้วหนังสือเล่มนี้นำมาซึ่ง “ความสุข” และรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปากทุกครั้งที่เปิดหน้าหนังสืออ่านได้เสมอ
“หน่อไม้” จึงไม่ใช่บันทึกที่มีเพียงแค่เรื่องราวของการเดินทาง แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ผู้อ่านทุกคนสัมผัสได้ นั่นคือ “แรงบันดาลใจ” ที่จะคอยขับเคลื่อนทุกความฝันของพวกเขาให้เป็นจริง และแม้ผู้อ่านอย่างเราจะไม่ได้เป็นหนึ่งในทริปนั้น แต่กลับได้รับแรงฮึดเพื่อค้นหาบางอย่างที่หายไปในชีวิต ที่ใครหลายคนอาจไม่เคยเฝ้าถามตัวเองเลย นั่นคือ “ความฝัน” ที่จะทำให้ “ใจบันดาลแรง” ให้กับชีวิตอันอ่อนล้าของนักอ่านชาวเมืองหลายๆ คน จนอาจอยากออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ปลูกหน่อไม้เล็กๆ สักต้นท่ามกลางขุนเขาและเมฆหมอกเหมือนพวกเขาทั้ง 44 ชีวิตบ้าง และหวังว่ามันอาจแตกหน่อเป็น “ไม้ใหญ่แห่งความฝัน” ที่ให้ร่มเงาและโอบกอดได้จริงในสักวัน
4. เธอ… หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก
เขียน : อะอิฎ อัลก็อรนีย์ แปล : อบู อับบาส ประเภท : หนังสือศาสนา
มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาที่จะมีความสุขที่สุดในโลก แต่สำหรับผู้ศรัทธาแล้วนั้น พวกเขารู้ดีว่า ไม่อาจหลีกหนี “บททดสอบชีวิต” บนโลกนี้ได้
เธอ… หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก เป็นหนังสือศาสนาที่ผู้เขียนต้องการส่งกำลังใจก้อนใหญ่ ถึงผู้อ่านโดยเฉพาะมุสลิมะห์ เพราะรู้ดีว่าพวกนางต้องเผชิญกับบททดสอบมากมายไม่ว่าจะเป็นในฐานะลูก ภรรยา และแม่ เพียงแค่สามบทบาทนี้ก็มากพอที่จะทำให้หัวใจอันอ่อนไหว เปราะบาง ที่พระเจ้าสร้างเธอมาอาจเหนื่อยล้าในบางครั้ง โศกเศร้าในบางครา และหม่นหมองหวาดกลัวในบางคราว
แต่หนังสือเล่มนี้จะทำให้พวกเธอเห็นว่า ในความอ่อนโค้งของซี่โครงซ้ายที่อัลลอฮฺสร้างพวกเธอมา พระองค์ก็ยังทรงประทานให้พวกนางมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวดังเช่นหัวใจของท่านหญิงอาซียะห์ เข้มแข็งดังเช่นหัวใจของพระนางคอดีญะห์ และสุขุมอดทนดังเช่นหัวใจของพระนางมัรฺยัม
เธอ… ผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจและถ้อยคำแห่งการเชื่อฟังที่กระชับและชัดเจน แต่ละบท แต่ละหน้า อาจจะมีข้อความ เรื่องราวไม่กี่บรรทัด ไม่กี่ย่อหน้า ทว่าทรงพลังและเปี่ยมล้นไปด้วยแรงใจเพื่อให้ผู้หญิงได้ขับเคลื่อนชีวิตของนางต่อไปสู่เป้าหมายของชีวิตนี้อย่างมีความสุข โดยเชื่อมโยงโองการอัลกุรอาน หะดิษต่าง ๆ รวมถึงเรื่องราวอันน่าประทับใจและงดงามจากประวัติศาสตร์ศอฮาบะห์ทั้งหญิงและชาย อันเสมือนเป็นดั่งหีบสมบัติที่บรรจุ “มวลกำลังใจ” ที่แท้จริง ใครเล่าจะเป็นผู้ทรงเพิ่มพูนกำลังของใจเท่ากับผู้สร้างหัวใจ
หากเธอกำลังเศร้า…
หากเธอกำลังท้อแท้…
หากเธอกำลังสิ้นหวัง…
หนังสือเล่มนี้ “เธอ… หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก” จะพาพวกเธอไปค้นพบ “พื้นที่แห่งความสุข” ที่แท้จริงและจีรังสำหรับผู้ศรัทธาทุกคน อินชาอัลลอฮฺ
5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านพร้อมความหมายภาษาไทย
แปล : สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับแห่งประเทศไทย ประเภท : หนังสือศาสนา
ชีวิตมนุษย์ทุกคนล้วนต้องการ “ทางนำ” ที่จะเป็นเสมือนหางเสือนำพา “เรือแห่งชีวิต” แล่นทะยานสู่ทิศทางที่ถูกต้อง อัลกุรอ่านพร้อมความหมายภาษาไทยเล่มนี้คือพระมหาคัมภีร์จากเจ้าของชีวิตที่ถูกส่งมาเพื่อเป็น “ทางนำ” นั้น และเป็น “แสงสว่าง” ให้กับมนุษยชาติทุกคน
ทุกครั้งที่ได้เปิดใจศึกษาและอ่านความหมายของพระมหาคัมภีร์เล่มนี้อย่างลึกซึ้ง แต่ละโองการที่ได้ละเลียด แต่ละอายัตที่ได้ละสายตาจากสิ่งเร้ารอบข้างแล้วบรรจงอ่านทีละคำ ทีละอายัตอย่างเงียบๆ ด้วยหัวใจที่นอบน้อม ศรัทธาและภักดี มักจะได้ข้อคิด ความสัจจริง และหนทางไปสู่ความรอดได้อย่างสุขใจเสมอ
แม้กระทั่งทุกครั้งที่พบเจอกับอุปสรรค บททดสอบนานา หรือข้อสงสัยใดๆ ที่มนุษย์ทั่วไปไม่อาจให้คำตอบและหาทางออกให้ได้ แต่กับพระมหาคัมภีร์เล่มนี้นั้นได้คลายทุกข้อคำถาม คลี่ทุกทางทดสอบ และปลอบทุกคำทุกข์ใจออกไปได้อย่างน่าอัศจรรย์
เพราะพระมหาคัมภีร์เล่มนี้หาใช่หนังสือธรรมดาทั่วไปไม่ หากแต่คือ “สาส์นอันศักดิ์สิทธิ์” ที่พระเจ้าแห่งสากลโลกส่งมาเพื่อให้ปวงบ่าวใช้เป็น “ทางรอดแห่งชีวิต”
“เจ้าจงอย่าท้อ จงอย่าระทม แท้จริงเจ้าคือผู้ที่สูงส่ง หากเจ้าคือผู้ศรัทธา” [อาละอิมรอน:139]
คือหนึ่งในอายัตแรกๆ ที่ตัวเองยึดเป็นคำปลอบแห่งชีวิตเมื่อเริ่มศึกษาพระมหาคัมภีร์นี้ เป็นช่วงชีวิตที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ช่วงเวลาที่อาจมีเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามา ทว่าไม่ว่าจะความทุกข์โศกที่หนักหนา ความเหนื่อยล้าที่โหมห่าก็มักล่วงผ่านไปอย่างง่ายดายเสมอยามได้นึกถึง “โองการแห่งกำลังใจ” นี้
“แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงเปลี่ยนแปลงสภาพของชนกลุ่มใด จนกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงสภาพของเขาเอง” [อัรเราะอฺดุ : 11]
เป็นอีกหนึ่งโองการประทับใจ ที่เสมือนเป็นคติของชีวิตที่สอดคล้องกับคติพจน์ของไทยที่ว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” เพียงแต่สำหรับผู้ศรัทธานั้น “ความสำเร็จ” ทุกประการเรามอบหมายให้กับพระเจ้าของเรา นั่นเป็นหลักจิตวิทยาง่าย ๆ ที่ทำให้มนุษย์ไม่เคร่งเครียดและจับจ้องอยู่กับผลสำเร็จมากเกินไป พวกเขามีหน้าที่เพียรพยายามเท่านั้น และสำหรับผู้พยายามแน่นอนย่อมไม่สูญเปล่าจากคำสัญญามั่นของพระองค์ด้วยโองการข้างต้นนี้
หากได้ลองศึกษาพระมหาคัมภีร์นี้อย่างจริงจัง เราจะพบว่า “สาส์นอันศักดิ์สิทธิ์” นี้ไม่ได้เป็นเพียง “หนทางรอดของชีวิต” แต่ยังเป็น “หนทางแห่งความสุข” สำหรับมนุษยชาติทุกคนด้วย
คิดอย่างไรให้รอด…
มองอย่างไรให้สุข…
ปฏิบัติตัวอย่างไร ให้บรรลุเป้าหมายของชีวิตนี้อย่างแท้จริง…
คงไม่มีใครให้คำตอบมนุษย์ผู้ต่ำต้อย แสนธรรมดา และเต็มไปด้วยความอ่อนแออย่างเราได้ นอกจากพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงอำนาจเหนือทุกสิ่งและกรรมสิทธิ์ในชีวิตของเรานั้นอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์