“เราทำหลายหน้าที่ ทั้งภรรยา ทั้งแม่ ทั้งอาจารย์ ทั้งล่าม การจะทำหน้าที่ทั้งหมดนี้ให้สมบูรณ์ก็ต้องมีการวางแผนการทำงาน หากเราบอกว่าทุกอย่างสำคัญเท่ากันหมด ก็จะทำให้เราไม่สามารถทำอะไรได้ดีและสำเร็จได้ซักอย่าง” บุษบา คุซมิน มุสลิมะห์มากความสามารถที่ได้สวมบทบาทต่างๆ ในช่วงเวลาที่ต่างกันออกไป
เธอมีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมในการทำงานที่เธอถนัด งานที่เธอรัก และพร้อมกันนั้นก็ไม่ละเลยหน้าที่ที่สำคัญที่สุด นั่นคือการเป็นภรรยาและแม่ที่ดีให้กับครอบครัว
01 เริ่มต้นจากการเรียน
“จบ ม.ปลาย เอกภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส จากนั้นสอบเข้าที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะเดียวกันก็เรียนที่มหาลัยรามคำแหง คณะรัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปพร้อมๆ กันด้วย” บุษบาเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ชอบเรียนหนังสือตั้งแต่เด็กๆ
หลังจากจบปริญญาตรีบุษบาก็อาจจะคล้ายๆ กับใครหลายคน นั่นคือเกิดความลังเลใจว่าจะหาทำงานหรือจะเรียนต่อในระดับปริญญาโท สุดท้ายเธอเลือกเรียนต่อปริญญาโทที่คณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นความฝันลึกๆ ของเด็กศิลป์ภาษา แต่ท้ายที่สุดนั้นพอได้เรียนไปแล้วเธอค้นพบว่ามันไม่ใช่ในสิ่งที่เธอต้องการ
“เราเลยตั้งเป้าหมายใหม่โดยมองหาทุนเรียนต่อต่างประเทศ จนที่สุดก็ได้มาเจอทุนรัฐบาลรัสเซียเข้า เลยลองสมัครไปแล้วก็ติด ซึ่งที่นี่ต้องเรียนเป็นภาษารัสเซีย และแน่นอนว่าเราตอนนั้นเรายังไม่รู้จักภาษารัสเซียเลยสักคำ แต่เขาจะให้เรียนปรับภาษาก่อนหนึ่งปี เรียนที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สบิร์ก ไม่ไกลจากฟินแลนด์ เรียนที่มหาวิทยาลัย Herzen State Pedagogical University of Russia และจบการศึกษาปริญญาโทจากที่นั่น”
02 ก้าวแรกของชีวิตการทำงาน
“หลังจากเรียนจบก็แพลนว่าจะกลับมาลองหางานทำที่เมืองไทย ตอนนั้นฝันหลายอย่างเลย หนึ่งในนั้นก็อยากสมัครกระทรวงการต่างประเทศหรือหาบริษัทที่ได้ใช้ภาษารัสเซียในไทย เพราะว่าเรามีความรู้ภาษารัสเซียอยู่และอยากใช้ให้เป็นประโยชน์ แต่บังเอิญว่าตอนที่จะกลับไทยก็ได้ทราบมาว่าสถานเอกอัครราชทูตไทยที่กรุงมอสโก ประกาศหาเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นประจำฝ่ายกงสุลที่สถานทูต ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสและเป็นประสบการณ์ที่ดีเลยไปสอบสัมภาษณ์และผ่านการคัดเลือก จึงได้ทำงานที่นี่กว่าสามปี”
03 เข้าสู่บทบาทของ “ภรรยา” และ “แม่”
เมื่อบุศบาได้พบได้แต่งงานกับสามีชาวรัสเซียและตั้งท้องลูกคนแรก จึงตัดสินลาออกจากงานประจำ
“ตอนนั้นคิดว่าการลาออกคงเป็นหนทางทีดีที่สุดที่จะทำให้เรามีเวลาดูแลลูกได้เต็มที่ และสถานทูตเองก็จะได้ไม่ต้องเป็นภาระเวลาที่เราลาคลอดเป็นเดือน แม้ว่าจะมีสิทธิในการลาคลอด แต่ก็รู้ว่าการลาคลอดของเราจะยิ่งทำให้ภาระหน้าที่ของคนที่อยู่จะยิ่งเพิ่มขึ้น งานที่สถานทูตเป็นงานที่ต้องเสียสละมากๆ เราทำงานอยู่บนความทุกข์ร้อนของคนต่างแดน การให้สถานทูตหาเจ้าหน้าที่คนใหม่ที่เข้ามาทำงานแทนเราไปเลยคงจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด หลังจากปรึกษากับสามีแล้วก็เลยตัดสินใจขอลาออกตอนที่ตั้งท้องได้เจ็ดเดือนเศษ แล้วก็เดินทางกลับมาคลอดที่ไทย”
เมื่อกลับมาคลอดลูกที่ไทย บุษบาและสามีตั้งใจจะกลับไปใช้ชีวิตต่อที่รัสเซีย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลงหลักปักฐานที่กรุงเทพฯ อะไรคือสิ่งที่ทำให้เธอเลือกจะอยู่ที่นี่
“ความฝันต่างๆ ที่เคยมี สิ่งต่างๆ ที่เคยอยากทำ หลังจากที่คลอดลูกแล้วมันเหลือแค่อย่างเดียวคือการที่ทำให้เด็กตัวเล็กๆ ในอ้อมกอดได้เติบโตอย่างมีความสุขและมีคุณภาพ ทันทีที่เค้าลืมตาดูโลกความฝันทั้งหมดของเราก็ถ่ายทอดไปให้กับเค้าโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว เรารู้เพียงแต่ว่าจากนี้ไปฝันของเรามันไม่มีค่าเท่ากับฝันของลูก การส่งลูกไปให้สุดความฝัน มันคือฝันของคนที่เป็นแม่ที่แท้จริง”
04 “เวิร์กิ้งวูเมน” ที่ต้องผันตัวเป็น “แม่บ้าน”
“มันอดคิดไม่ได้ว่าวันหนึ่งเราเคยตื่นตอนเช้าเพื่อไปทำงาน แต่ตอนนี้ตื่นขึ้นมาแล้วไม่ต้องไปไหน ใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับบ้าน เราเริ่มที่จะคิดถึงวันเก่าๆ ตัดพ้อกับตัวเองว่า ความจริงเราไม่ต้องดั้นด้นไปจบถึงเมืองนอกก็ได้มั้ง ถ้ารู้ว่าสุดท้ายจะมาเลี้ยงลูกอยู่บ้าน
การตัดสินใจลาออกจากงานของผู้หญิงคนนึง เปลี่ยนมาอยู่บ้านเลี้ยงลูก เป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะเป้าหมายของคนเราบางครั้งไม่ใช่แค่เรื่องเงินอย่างเดียว แต่การทำงานมันคือการแสดงความสามารถ การเคารพตัวเอง และการสร้างความภูมิใจให้กับตัวเราเองว่าเรายังเป็นคนที่เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวและคนอื่นๆ จากการใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ เราเชื่อว่าความรู้สึกนี้ คนเป็นแม่หลายคนที่ลาออกจากงานประจำคงเข้าใจดี”
05 และเป็น “แม่บ้าน” ที่ทำงานได้ทำงานที่รักไปพร้อมๆ กัน
“ต้องเริ่มพิจารณาความเป็นไปได้ทั้งหมดประกอบกับศักยภาพและความสามารถที่เรามีอยู่ เราเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง เพราะเราคิดว่าการที่เรามีความรู้และไม่ใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์ วันหนึ่งความรู้และความสามารถนั้นๆ ก็จะยิ่งถดถอยลงไปจนเราไม่หลงเหลือความภาคภูมิในใจตัวเองและเลิกเคารพตัวเราเอง เราคิดว่าเราจะต้องทำอะไรให้เรารู้สึกว่าตัวเรานั้นมีประโยชน์
เป้าหมายตอนนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินเลยด้วยซ้ำ คิดแค่ว่าเราจะทำอะไรในช่วงว่างจากการเลี้ยงลูกแล้วทำให้เราภูมิใจในตัวเอง สร้างความสุขให้กับตัวเราเองได้บ้าง และถ้าสิ่งที่เราทำนั้นมันจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับครอบครัวก็คงจะดีไม่น้อย
ซึ่งในที่สุดแล้วเราก็เลยเริ่มรับงานแปล งานล่ามฟรีแลนซ์ ซึ่งทำให้เราได้ใช้ความสามารถตรงนี้ที่เรามีอยู่ และขณะเดียวกันก็มีเวลาอยู่กับครอบครัว และที่สุดแล้วผลจากการที่เราทำงานในสิ่งที่เรารักและตรงกับความสามารถของเรา มันก็นำพารายได้มาให้ครอบครัวแบบที่เราไม่คาดคิด”
06 บทบาท “อาจารย์มหาวิทยาลัย”
ชีวิตการทำงานของบุษบาเริ่มต้นอีกครั้งกับบทบาทใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิม
“เราได้รับการติดต่อให้เป็นอาจารย์พิเศษสอนภาษารัสเซีย นิสิตที่ลงเรียนมีไม่เยอะ เพราะคนไทยยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับภาษานี้ซักเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงแล้วภาษารัสเซียเป็นหนึ่งในภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดในโลก รวมๆ แล้วในโลกมีคนที่สื่อสารด้วยภาษานี้กว่า 260 ล้านคนเลยทีเดียว” บุษบาเล่าถึงการเป็นอาจารย์พิเศษที่ไม่ใช่เพียงสอนเฉพาะภาษาเท่านั้น แต่ยังสอดแทรกในเรื่องของวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของคนรัสเซียจากประสบการณ์ในช่วงชีวิตที่เธอได้ไปเรียนต่อ ไปทำงาน และใช้ชีวิตอยู่ที่รัสเซีย ให้กับผู้อื่นได้รับรู้
07 บทบาท “ล่าม”
อีกหนึ่งที่บุษรักมากนั่นก็คือการเป็นล่ามแปลภาษารัสเซีย ซึ่งนับเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดประตูสู่โลกกว้างของเธออีกครั้ง
“ตอนที่มองหางานทำหลังจากคลอดลูกแล้ว ก็ได้เปิดเพจสอนภาษารัสเซียในเฟสบุ๊ก ทำงานเขียนหนังสือ และเปิดเว็ปไซต์รับงานล่ามกับงานแปล ซึ่งการทำงานล่ามต้องใช้ทักษะภาษาอยู่พอสมควร เนื่องจากเป็นงานที่มีความหลากหลาย ในฐานะล่ามก็จะต้องเรียนรู้ศัพท์เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา” บุษบาเล่าด้วยความภูมิใจเพราะอาชีพล่ามนั้นช่วยเพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เธอได้อย่างดีมากเลยทีเดียว
08 นักแปล นักสื่อสาร ที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น
“แน่นอนว่าการทำงานล่ามมันคือการสร้างความเข้าใจกับคนสองฝั่ง ด้วยการสื่อสารผ่านสื่อกลางซึ่งก็คือเรา หน้าที่และจรรยาบรรณของล่ามถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก การแปลแต่ละครั้ง เราจะต้องพึงระลึกเสมอว่าจะต้องคงความหมายของผู้ที่ต้องการสื่อให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะการแปลในศาล การแปลของเราจะส่งผลต่อชีวิตของคนๆ หนึ่ง หากเกิดความผิดพลาดในการแปลขึ้น หรือการเข้าใจความหมายที่คาดเคลื่อน การทำงานล่ามทำให้เราได้เรียนรู้ในการรับผิดชอบต่อชีวิตของคนอื่นมากขึ้น
การทำงานบางครั้งเราจะต้องเจอกับคนหลายแบบ ทั้งคนที่สุขและทุกข์ โดยเฉพาะการช่วยคนที่กำลังตกอยู่ในความทุกข์ เช่น คนที่ติดคุก คนที่โดนกระทำ และคนบริสุทธิ์ที่กำลังทุกข์ยากต่างแดน คนเหล่านี้เค้าคาดหวังการช่วยเหลือจากเราในการสื่อสาร การทำงานแบบบนี้เป็นการสอนให้เราได้รู้จักโลกมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการทำบุญให้กับคนที่กำลังทุกข์ยากได้มีทางออก แม้ว่าสิ่งที่เราจะช่วยได้นั้นมันเป็นการช่วยเหลือเพียงแค่การสื่อสารก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็เป็นหนึ่งในการช่วยเหลือที่สำคัญสำหรับคนที่ไร้หนทาง”
09 “ฮิญาบ” ที่ใส่ในทุกๆ บทบาท
ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหน บุษบาก็พาฮิญาบไปด้วยทุกๆ ครั้ง
“เราทำงานที่เกี่ยวข้องกับผู้คน เราไม่อาจคาดเดาได้ว่าสิ่งที่อยู่ในใจของคนเหล่านั้นว่าเค้ามองมุสลิมเป็นอย่างไรบ้าง สิ่งที่เราทำได้ก็คือการทำตัวของเราให้ดี รับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำอยู่ มีความจริงใจในการช่วยเหลือและมีความรับผิดชอบ สิ่งเหล่านี้ทุกคนไม่ว่าเชื้อชาติหรือศาสนาใดก็สามารถรับรู้ได้
และเราเองก็ทำให้ชาวต่างศาสนิกหลายคนได้เห็นแล้วว่า คำว่ามุสลิมไม่ได้เป็นอุปสรรค์ในการอยู่ร่วมกับคนในสังคมและการทำงานร่วมกับผู้อื่นเลย เราได้รับความไว้วางใจให้ทำงานล่ามหลายๆ งาน เพราะเค้าเชื่อใจเราและมั่นใจในความสุจริตใจของเรา ท่ามกลางกระแสความเกลียดมุสลิมแต่เรากลับได้รับความไว้วางใจจากชาวต่างศาสนิกแบบที่เราไม่คาดคิด”
10 ลำดับความสำคัญของแต่ละบทบาท
“เราทำหลายหน้าที่ ทั้งภรรยา ทั้งแม่ ทั้งอาจารย์ ทั้งล่าม การจะทำหน้าที่ทั้งหมดนี้ให้สมบูรณ์ก็ต้องมีการวางแผนการทำงาน หากเราบอกว่าทุกอย่างสำคัญเท่ากันหมด ก็จะทำให้เราไม่สามารถทำอะไรได้ดีและสำเร็จได้ซักอย่าง แต่ละงานที่ทำสอนให้เราโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและสอนเราให้เรียนรู้ในเรื่องต่างๆ มากมาย งานที่ทำมาแต่ละอย่างนั้นเป็นงานที่เราชอบและมีความสุขในช่วงเวลานั้นๆ
และแน่นอนว่าเป้าหมายสูงสุดของคนเป็นแม่นั้น ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม สุดท้ายคือต้องการให้ทุกฝันของลูกเป็นจริง เราอยากให้ลูกได้มีโอกาสเรียนหนังสือสูงๆ ประสบความสำเร็จทั้งในด้านการงานและครอบครัว และอีกหนึ่งความตั้งใจในอนาคตก็คงไม่พ้นธุรกิจงานแปลที่ทำอยู่ตอนนี้ แต่ทั้งหมดต้องใช้เวลา ความพยายาม และความทุ่มเทที่มากขึ้น ซึ่งเราก็บอกไม่ได้ว่าเราจะไปถึงความฝันนั้นหรือไม่ รู้แต่ว่าจะพยายามให้ถึงที่สุด จะสำเร็จหรือไม่นั้นคงมีแต่อัลลอฮ์เท่านั้นที่รู้ หน้าที่ของเราก็คือขอดุอาไปพร้อมๆ กับการลงมือทำ”
ไม่ว่าจะบทบาทไหน “บุษบา คุซมิน” มุสลิมะห์คนเก่งคนนี้ ก็สามารถจัดสรรเวลาและทำหน้าที่ในบทบาทนั้นๆ ได้อย่างลงตัว ที่สำคัญคือ แต่ละวิธีคิดที่เธอใส่เข้าไปในแต่ละบทบาทนั้น ก็ควรค่าแก่การนำไปเป็นแรงบันดาลใจให้กับมุสลิมะห์อีกหลายๆ คนได้ดีเลยทีเดียว