fbpx

“บุษบา คุซมิน” มุสลิมะห์ที่รับบทบาทภรรยา คุณแม่ คุณครู และล่ามภาษารัสเซีย

“เราทำหลายหน้าที่  ทั้งภรรยา ทั้งแม่ ทั้งอาจารย์ ทั้งล่าม  การจะทำหน้าที่ทั้งหมดนี้ให้สมบูรณ์ก็ต้องมีการวางแผนการทำงาน หากเราบอกว่าทุกอย่างสำคัญเท่ากันหมด ก็จะทำให้เราไม่สามารถทำอะไรได้ดีและสำเร็จได้ซักอย่าง”  บุษบา คุซมิน มุสลิมะห์มากความสามารถที่ได้สวมบทบาทต่างๆ ในช่วงเวลาที่ต่างกันออกไป

เธอมีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมในการทำงานที่เธอถนัด งานที่เธอรัก และพร้อมกันนั้นก็ไม่ละเลยหน้าที่ที่สำคัญที่สุด นั่นคือการเป็นภรรยาและแม่ที่ดีให้กับครอบครัว

 

01  เริ่มต้นจากการเรียน

“จบ ม.ปลาย เอกภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส จากนั้นสอบเข้าที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะเดียวกันก็เรียนที่มหาลัยรามคำแหง คณะรัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปพร้อมๆ กันด้วย” บุษบาเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ชอบเรียนหนังสือตั้งแต่เด็กๆ

หลังจากจบปริญญาตรีบุษบาก็อาจจะคล้ายๆ กับใครหลายคน นั่นคือเกิดความลังเลใจว่าจะหาทำงานหรือจะเรียนต่อในระดับปริญญาโท สุดท้ายเธอเลือกเรียนต่อปริญญาโทที่คณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นความฝันลึกๆ ของเด็กศิลป์ภาษา แต่ท้ายที่สุดนั้นพอได้เรียนไปแล้วเธอค้นพบว่ามันไม่ใช่ในสิ่งที่เธอต้องการ

“เราเลยตั้งเป้าหมายใหม่โดยมองหาทุนเรียนต่อต่างประเทศ จนที่สุดก็ได้มาเจอทุนรัฐบาลรัสเซียเข้า เลยลองสมัครไปแล้วก็ติด ซึ่งที่นี่ต้องเรียนเป็นภาษารัสเซีย และแน่นอนว่าเราตอนนั้นเรายังไม่รู้จักภาษารัสเซียเลยสักคำ แต่เขาจะให้เรียนปรับภาษาก่อนหนึ่งปี เรียนที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สบิร์ก ไม่ไกลจากฟินแลนด์  เรียนที่มหาวิทยาลัย Herzen State Pedagogical University of Russia และจบการศึกษาปริญญาโทจากที่นั่น”

 

02  ก้าวแรกของชีวิตการทำงาน

“หลังจากเรียนจบก็แพลนว่าจะกลับมาลองหางานทำที่เมืองไทย ตอนนั้นฝันหลายอย่างเลย หนึ่งในนั้นก็อยากสมัครกระทรวงการต่างประเทศหรือหาบริษัทที่ได้ใช้ภาษารัสเซียในไทย เพราะว่าเรามีความรู้ภาษารัสเซียอยู่และอยากใช้ให้เป็นประโยชน์ แต่บังเอิญว่าตอนที่จะกลับไทยก็ได้ทราบมาว่าสถานเอกอัครราชทูตไทยที่กรุงมอสโก ประกาศหาเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นประจำฝ่ายกงสุลที่สถานทูต ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสและเป็นประสบการณ์ที่ดีเลยไปสอบสัมภาษณ์และผ่านการคัดเลือก จึงได้ทำงานที่นี่กว่าสามปี”

 

03  เข้าสู่บทบาทของ “ภรรยา” และ “แม่”

เมื่อบุศบาได้พบได้แต่งงานกับสามีชาวรัสเซียและตั้งท้องลูกคนแรก จึงตัดสินลาออกจากงานประจำ

“ตอนนั้นคิดว่าการลาออกคงเป็นหนทางทีดีที่สุดที่จะทำให้เรามีเวลาดูแลลูกได้เต็มที่ และสถานทูตเองก็จะได้ไม่ต้องเป็นภาระเวลาที่เราลาคลอดเป็นเดือน แม้ว่าจะมีสิทธิในการลาคลอด แต่ก็รู้ว่าการลาคลอดของเราจะยิ่งทำให้ภาระหน้าที่ของคนที่อยู่จะยิ่งเพิ่มขึ้น งานที่สถานทูตเป็นงานที่ต้องเสียสละมากๆ เราทำงานอยู่บนความทุกข์ร้อนของคนต่างแดน การให้สถานทูตหาเจ้าหน้าที่คนใหม่ที่เข้ามาทำงานแทนเราไปเลยคงจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด  หลังจากปรึกษากับสามีแล้วก็เลยตัดสินใจขอลาออกตอนที่ตั้งท้องได้เจ็ดเดือนเศษ แล้วก็เดินทางกลับมาคลอดที่ไทย”

เมื่อกลับมาคลอดลูกที่ไทย บุษบาและสามีตั้งใจจะกลับไปใช้ชีวิตต่อที่รัสเซีย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลงหลักปักฐานที่กรุงเทพฯ อะไรคือสิ่งที่ทำให้เธอเลือกจะอยู่ที่นี่

“ความฝันต่างๆ ที่เคยมี สิ่งต่างๆ ที่เคยอยากทำ หลังจากที่คลอดลูกแล้วมันเหลือแค่อย่างเดียวคือการที่ทำให้เด็กตัวเล็กๆ ในอ้อมกอดได้เติบโตอย่างมีความสุขและมีคุณภาพ  ทันทีที่เค้าลืมตาดูโลกความฝันทั้งหมดของเราก็ถ่ายทอดไปให้กับเค้าโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว เรารู้เพียงแต่ว่าจากนี้ไปฝันของเรามันไม่มีค่าเท่ากับฝันของลูก การส่งลูกไปให้สุดความฝัน มันคือฝันของคนที่เป็นแม่ที่แท้จริง”

 

04  “เวิร์กิ้งวูเมน” ที่ต้องผันตัวเป็น “แม่บ้าน”

“มันอดคิดไม่ได้ว่าวันหนึ่งเราเคยตื่นตอนเช้าเพื่อไปทำงาน แต่ตอนนี้ตื่นขึ้นมาแล้วไม่ต้องไปไหน ใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับบ้าน เราเริ่มที่จะคิดถึงวันเก่าๆ ตัดพ้อกับตัวเองว่า ความจริงเราไม่ต้องดั้นด้นไปจบถึงเมืองนอกก็ได้มั้ง ถ้ารู้ว่าสุดท้ายจะมาเลี้ยงลูกอยู่บ้าน

การตัดสินใจลาออกจากงานของผู้หญิงคนนึง เปลี่ยนมาอยู่บ้านเลี้ยงลูก เป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่มาก  เพราะเป้าหมายของคนเราบางครั้งไม่ใช่แค่เรื่องเงินอย่างเดียว แต่การทำงานมันคือการแสดงความสามารถ การเคารพตัวเอง และการสร้างความภูมิใจให้กับตัวเราเองว่าเรายังเป็นคนที่เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวและคนอื่นๆ จากการใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ เราเชื่อว่าความรู้สึกนี้ คนเป็นแม่หลายคนที่ลาออกจากงานประจำคงเข้าใจดี”

 

05  และเป็น “แม่บ้าน” ที่ทำงานได้ทำงานที่รักไปพร้อมๆ กัน

“ต้องเริ่มพิจารณาความเป็นไปได้ทั้งหมดประกอบกับศักยภาพและความสามารถที่เรามีอยู่  เราเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง เพราะเราคิดว่าการที่เรามีความรู้และไม่ใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์ วันหนึ่งความรู้และความสามารถนั้นๆ ก็จะยิ่งถดถอยลงไปจนเราไม่หลงเหลือความภาคภูมิในใจตัวเองและเลิกเคารพตัวเราเอง เราคิดว่าเราจะต้องทำอะไรให้เรารู้สึกว่าตัวเรานั้นมีประโยชน์

เป้าหมายตอนนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินเลยด้วยซ้ำ คิดแค่ว่าเราจะทำอะไรในช่วงว่างจากการเลี้ยงลูกแล้วทำให้เราภูมิใจในตัวเอง สร้างความสุขให้กับตัวเราเองได้บ้าง และถ้าสิ่งที่เราทำนั้นมันจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับครอบครัวก็คงจะดีไม่น้อย

ซึ่งในที่สุดแล้วเราก็เลยเริ่มรับงานแปล  งานล่ามฟรีแลนซ์  ซึ่งทำให้เราได้ใช้ความสามารถตรงนี้ที่เรามีอยู่ และขณะเดียวกันก็มีเวลาอยู่กับครอบครัว  และที่สุดแล้วผลจากการที่เราทำงานในสิ่งที่เรารักและตรงกับความสามารถของเรา  มันก็นำพารายได้มาให้ครอบครัวแบบที่เราไม่คาดคิด”

 

06  บทบาท “อาจารย์มหาวิทยาลัย”

ชีวิตการทำงานของบุษบาเริ่มต้นอีกครั้งกับบทบาทใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิม

“เราได้รับการติดต่อให้เป็นอาจารย์พิเศษสอนภาษารัสเซีย นิสิตที่ลงเรียนมีไม่เยอะ เพราะคนไทยยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับภาษานี้ซักเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงแล้วภาษารัสเซียเป็นหนึ่งในภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดในโลก  รวมๆ แล้วในโลกมีคนที่สื่อสารด้วยภาษานี้กว่า 260 ล้านคนเลยทีเดียว”  บุษบาเล่าถึงการเป็นอาจารย์พิเศษที่ไม่ใช่เพียงสอนเฉพาะภาษาเท่านั้น แต่ยังสอดแทรกในเรื่องของวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของคนรัสเซียจากประสบการณ์ในช่วงชีวิตที่เธอได้ไปเรียนต่อ ไปทำงาน และใช้ชีวิตอยู่ที่รัสเซีย ให้กับผู้อื่นได้รับรู้

 

07  บทบาท “ล่าม”

อีกหนึ่งที่บุษรักมากนั่นก็คือการเป็นล่ามแปลภาษารัสเซีย ซึ่งนับเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดประตูสู่โลกกว้างของเธออีกครั้ง

“ตอนที่มองหางานทำหลังจากคลอดลูกแล้ว ก็ได้เปิดเพจสอนภาษารัสเซียในเฟสบุ๊ก ทำงานเขียนหนังสือ และเปิดเว็ปไซต์รับงานล่ามกับงานแปล ซึ่งการทำงานล่ามต้องใช้ทักษะภาษาอยู่พอสมควร เนื่องจากเป็นงานที่มีความหลากหลาย ในฐานะล่ามก็จะต้องเรียนรู้ศัพท์เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา”  บุษบาเล่าด้วยความภูมิใจเพราะอาชีพล่ามนั้นช่วยเพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เธอได้อย่างดีมากเลยทีเดียว

 

08  นักแปล นักสื่อสาร ที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น

“แน่นอนว่าการทำงานล่ามมันคือการสร้างความเข้าใจกับคนสองฝั่ง ด้วยการสื่อสารผ่านสื่อกลางซึ่งก็คือเรา  หน้าที่และจรรยาบรรณของล่ามถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก  การแปลแต่ละครั้ง เราจะต้องพึงระลึกเสมอว่าจะต้องคงความหมายของผู้ที่ต้องการสื่อให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะการแปลในศาล การแปลของเราจะส่งผลต่อชีวิตของคนๆ หนึ่ง หากเกิดความผิดพลาดในการแปลขึ้น หรือการเข้าใจความหมายที่คาดเคลื่อน  การทำงานล่ามทำให้เราได้เรียนรู้ในการรับผิดชอบต่อชีวิตของคนอื่นมากขึ้น

การทำงานบางครั้งเราจะต้องเจอกับคนหลายแบบ ทั้งคนที่สุขและทุกข์  โดยเฉพาะการช่วยคนที่กำลังตกอยู่ในความทุกข์  เช่น คนที่ติดคุก  คนที่โดนกระทำ และคนบริสุทธิ์ที่กำลังทุกข์ยากต่างแดน  คนเหล่านี้เค้าคาดหวังการช่วยเหลือจากเราในการสื่อสาร  การทำงานแบบบนี้เป็นการสอนให้เราได้รู้จักโลกมากขึ้น  ขณะเดียวกันก็เป็นการทำบุญให้กับคนที่กำลังทุกข์ยากได้มีทางออก แม้ว่าสิ่งที่เราจะช่วยได้นั้นมันเป็นการช่วยเหลือเพียงแค่การสื่อสารก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็เป็นหนึ่งในการช่วยเหลือที่สำคัญสำหรับคนที่ไร้หนทาง”

 

09  “ฮิญาบ” ที่ใส่ในทุกๆ บทบาท

ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหน บุษบาก็พาฮิญาบไปด้วยทุกๆ ครั้ง

“เราทำงานที่เกี่ยวข้องกับผู้คน  เราไม่อาจคาดเดาได้ว่าสิ่งที่อยู่ในใจของคนเหล่านั้นว่าเค้ามองมุสลิมเป็นอย่างไรบ้าง  สิ่งที่เราทำได้ก็คือการทำตัวของเราให้ดี  รับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำอยู่  มีความจริงใจในการช่วยเหลือและมีความรับผิดชอบ  สิ่งเหล่านี้ทุกคนไม่ว่าเชื้อชาติหรือศาสนาใดก็สามารถรับรู้ได้

และเราเองก็ทำให้ชาวต่างศาสนิกหลายคนได้เห็นแล้วว่า  คำว่ามุสลิมไม่ได้เป็นอุปสรรค์ในการอยู่ร่วมกับคนในสังคมและการทำงานร่วมกับผู้อื่นเลย เราได้รับความไว้วางใจให้ทำงานล่ามหลายๆ งาน เพราะเค้าเชื่อใจเราและมั่นใจในความสุจริตใจของเรา ท่ามกลางกระแสความเกลียดมุสลิมแต่เรากลับได้รับความไว้วางใจจากชาวต่างศาสนิกแบบที่เราไม่คาดคิด”

 

10  ลำดับความสำคัญของแต่ละบทบาท

“เราทำหลายหน้าที่  ทั้งภรรยา ทั้งแม่ ทั้งอาจารย์ ทั้งล่าม  การจะทำหน้าที่ทั้งหมดนี้ให้สมบูรณ์ก็ต้องมีการวางแผนการทำงาน หากเราบอกว่าทุกอย่างสำคัญเท่ากันหมด ก็จะทำให้เราไม่สามารถทำอะไรได้ดีและสำเร็จได้ซักอย่าง  แต่ละงานที่ทำสอนให้เราโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและสอนเราให้เรียนรู้ในเรื่องต่างๆ มากมาย งานที่ทำมาแต่ละอย่างนั้นเป็นงานที่เราชอบและมีความสุขในช่วงเวลานั้นๆ

และแน่นอนว่าเป้าหมายสูงสุดของคนเป็นแม่นั้น ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม สุดท้ายคือต้องการให้ทุกฝันของลูกเป็นจริง  เราอยากให้ลูกได้มีโอกาสเรียนหนังสือสูงๆ ประสบความสำเร็จทั้งในด้านการงานและครอบครัว และอีกหนึ่งความตั้งใจในอนาคตก็คงไม่พ้นธุรกิจงานแปลที่ทำอยู่ตอนนี้ แต่ทั้งหมดต้องใช้เวลา ความพยายาม และความทุ่มเทที่มากขึ้น ซึ่งเราก็บอกไม่ได้ว่าเราจะไปถึงความฝันนั้นหรือไม่  รู้แต่ว่าจะพยายามให้ถึงที่สุด จะสำเร็จหรือไม่นั้นคงมีแต่อัลลอฮ์เท่านั้นที่รู้  หน้าที่ของเราก็คือขอดุอาไปพร้อมๆ กับการลงมือทำ”

 

ไม่ว่าจะบทบาทไหน “บุษบา คุซมิน” มุสลิมะห์คนเก่งคนนี้ ก็สามารถจัดสรรเวลาและทำหน้าที่ในบทบาทนั้นๆ ได้อย่างลงตัว  ที่สำคัญคือ แต่ละวิธีคิดที่เธอใส่เข้าไปในแต่ละบทบาทนั้น ก็ควรค่าแก่การนำไปเป็นแรงบันดาลใจให้กับมุสลิมะห์อีกหลายๆ คนได้ดีเลยทีเดียว

อ่านเรื่องนี้แล้วคิดอย่างไร ?

About author View all posts

Azlan

กองบรรณาธิการรุ่นเล็ก